เสียงคือสิ่งสำคัญ
เสียงสำหรับคู่รัก คือสิ่งที่สำคัญยิ่ง ๆ ถึงแม้เราจะไม่เห็นหน้ากัน แต่ถ้ารู้ว่าอยู่ใกล้ ๆ กัน ต้องส่งเสียงให้รู้ว่ารักตลอด
สำหรับเสียงที่เราต้องใช้ในการตอบรับ ให้ความเข้าใจ หรือ ประสานความสัมพันธ์นั้นคือ 5 เสียงแห่งความรักความเข้าใจ เสียงตอบรับเวลาที่เราถามตอบกัน เช่น วันนี้เราจะกินข้าวเย็นกับอะไรดี ถ้าเราอยู่ไม่ห่างกัน แล้วกำลังเล่นเกมส์ หรือมือถืออยู่ ควรจะหยุดเล่นสักครู่แล้วเงยหน้ามาหาคนรักของเรา แล้วก็ตอบไปด้วยความตั้งใจ ไม่ว่าจะตอบว่าอะไรก็ควรจะมองหน้าคนรักของเราด้วย ตรงนี้บ่งบอกถึงความใส่ใจในคำพูดของเขา มิใช่เอาแต่นิ่งเงียบ มันอาจจะเป็นตัวจุดประเด็นอันตรายตามมาก็เป็นได้
เสียงที่ถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย มิใช่เสียงที่ถามด้วยการประชดประชัน เช่น “..เป็นไงละไม่ระวังตัวเอง..” ควรจะถามด้วยความเป็นห่วงเสียก่อน ด้วยคำถามที่ว่า “..เป็นไงบ้างเจ็บตรงไหนบ้าง..” แค่คำพูด 5-6 คำก็ทำให้จากเรื่องร้ายกลายเป็นดีได้ ตราบใดที่เราใช้คำประชดกันเมื่อไหร่ รับรองว่า สุดท้ายต้องพึ่งพาเพื่อนมาช่วยปลอบทุกที่
เสียงแห่งการขอบคุณ ไม่ว่าแฟนของเรา หรือคู่รักของเรา จะทำสิ่งใดให้เราก็ตามควรขอบคุณด้วยใจจริง แค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ต้องทำคำสั้นๆ แต่บอกว่าได้ว่า เราตั้งใจรับสิ่งที่เธอทำให้ และ คนที่ทำให้ก็ดีใจที่เธอ ชอบด้วยคำว่าขอบคุณ แค่นี้ ใบไม้รอบตัวก็เป็นสีชมพูแล้ว
เสียงแห่งการขอโทษ การขอโทษนั้น ควรจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้ให้มากกว่า ขอบคุณ เพราะไม่ว่าเราทำอะไรผิดนิดหน่อยก็ควรจะขอโทษ ด้วยความจริงใจ เช่นนัดเวลาแล้วมาสาย ก็ขอโทษแล้วตามด้วยเหตุผล ซึ่งปัจจุบันการขอโทษซึ่งกันและกัน เกือบจะหายไปจากโลกนี้แล้ว ด้วยความที่คิดว่าต่างคนต่างไม่ผิด สุดท้ายก็กลายเป็นเรื่องใหญ่และลามไปถึงเรื่องอื่น ๆ ด้วย
ไม่เป็นไร คำนี้ก็ต้องใช้ให้บ่อยไม่แพ้กับคำว่าขอโทษ เมื่อเวลาที่แฟน หรือคนที่เรารักทำผิด อย่าใช้คำว่า ช่างมันเถอะ แต่ให้ใช้คำว่า ไม่เป็นไรแทน อย่างเช่น ของมันแตกไปแล้ว ไม่เป็นไร เธอไม่เป็นไรก็ดีแล้ว หรือ ไม่เป็นไรวันนี้ไม่ได้กิน พรุ่งนี้ก็หากินใหม่ได้ คำเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะใช้ต่อจากคำว่า ขอโทษ เมื่อเขาขอโทษ เราก็ต้องตามด้วย คำว่าไม่เป็นไร ถ้าเรื่องไม่เป็นเรื่องต้องรีบลืมไม่ควรจำ
แค่นี้เสียงก็จะเป็นเสียงสวรรค์สำหรับทั้งฉันและเธอ